ประวัติรำวง
ตามคำบอกเล่าของคุณพ่อโสภณ พันธุ์มณี (น้องชายของอาจารย์สุภาพ-สัมพันธ์ พันธุ์มณี) ซึ่งในช่วงสงครามโลก ท่านมีอายุประมาณเก้าขวบ ได้เล่าว่า…
เมื่อสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ยังไม่มีใครในกรุงเทพรู้จักการรำวง แต่หลังจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สองไปได้สักพัก การละเล่นรำวงก็ค่อยๆ แผ่ขยายเข้าพระนครมาเรื่อยๆ ในยุคนั้นเรียกกันว่ารำโทน
.
สอบถามคุณพ่อแล้ว ก็ไม่ทราบว่ารำโทนมีต้นกำเนิดมาจากไหน หมู่บ้านอะไร ใครคิด แต่สาเหตุที่รำโทนมาเป็นที่นิยมของคนทั่วไปได้ก็เพราะในยุคสงครามโลกนั้น คนว่างมาก หันไปไหนก็มีแต่สงคราม ไม่เหมือนยุคนี้ทีเร่งรีบแข่งขันกัน และคนก็มีความเครียดความวิตกในสถานการณ์บ้านเมืองเป็นทุนเดิม จึงต้องมีอะไรมาเล่นเพื่อคลายเครียด และรำโทนเป็นการละเล่นที่ง่ายที่สุดในยามยากเข็ญ เพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากเลย มีแค่กองไฟกองเดียวก็เล่นได้แล้ว
–
ลักษณะของการเล่นรำโทนในยุคนั้น จากสายตาของประจักษ์พยานที่อาศัยอยู่ในยุคนั้นเอง ก็คือ ขอให้มีอะไรอยู่ตรงกลาง เก้าอี้ โต๊ะ ที่วางตะเกียงเจ้าพายุ หรืออาจจะก่อกองไฟ ก็สามารถจะเล่นได้แล้ว โดยชาวบ้านจะล้อมวงอยู่รอบๆ ตะเกียงเจ้าพายุ หรึอกองไฟนั้น แล้วช่วยกันร้องเพลง เครื่องดนตรีก็เป็นเครื่องเคาะที่ใกล้มือ และสามารถเคาะให้เป็นจังหวะได้แล้วแต่บ้านไหนจะมีก็เอามาช่วยกัน ซึ่งโทน และฉิ่ง เป็นเครื่องดนตรีให้จังหวะในยุคนั้นที่พวกชาวบ้านพอจะหามาใช้กันได้ คุณพ่อเล่าว่า ในตอนนั้น โทนเป็นเครื่องให้จังหวะที่เวลาพวกขอทานใช้เวลาทำงาน ก็จะมีโทนและฉิ่งนี่แหละเป็นเครื่องให้จังหวะ ไม่ใช่เครื่องดนตรีที่หาได้ง่ายในยุคสงคราม แต่ก็ไม่ใช่เครื่องดนตรีที่หายากเกินกำลังของชาวบ้าน จึงนิยมใช้โทนกับฉิ่งในการให้จังหวะ
ส่วนพวกชาวบ้านอื่นๆ ที่ไม่มีเครื่องดนตรี แต่มาร่วมเล่นรำโทนก็จะเป็นฝ่ายร้อง (นักดนตรีก็ร้องกับเขาด้วยนะ) ช่วยๆ กันร้องปรบมือเฮฮากันไปด้วยเพลงพื้นบ้านที่รู้จักกันทั่วไป ง่ายๆ หรือสดๆ เลยก็มี เนื้อเพลงรำในยุคนั้นเท่าที่คุณพ่อจำได้ก็ได้บอกให้ฟังด้วยค่ะมีว่าดังนี้
“น้องก็รำโสภี เอ๋ยพี่ก็รำโสภา เธอจ๋ารักฉันไหม ใครเล่าจะรักเธอได้ รักกลับกลายมาจืดมาจาง เชื่ออะไรเขาบอก เขาหลอกให้เราเฝ้าหลง เขาหลอกให้เราพะวง ชอกช้ำระกำใจตาย”
ในเวลาต่อมา จอมพล ป.พิบูลสงคราม เห็นความสำคัญของการละเล่นนี้ จึงให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง จึงให้ทางกรมศิลปากรจัดการปรับปรุงท่ารำและเนื้อร้องให้มีแบบแผนที่แน่นอน จึงทำให้เกิด “รำวงมาตรฐาน” ขึ้นในเวลาต่อมาโดยใช้ท่ารำวงพื้นฐานจาก “ท่ารำแม่บท” ซึ่งจะได้กล่าวถึงในคราวต่อไป
.
แต่แท้จริงแล้วความเป็นมาของรำวงก็เกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ และเรายังสามารถรำวงได้ทุกครั้งที่เราต้องการโดยไม่จำเป็นต้องกำหนดตัวเองให้อยู่ใน “รำวงมาตรฐาน” ของศิลปากรเท่านั้น ยังมีเพลงของ “สุนทราภรณ์” ที่แต่งเพื่อให้คนเล่นรำวงก็มี อย่างเช่น “เพลงลอยกระทง” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
ปรัญญา พันธุ์มณี